ล่ำบึ้กไปก็เท่านั้น

06/12/2009

 

 

เพื่อนรอบกายฉันมักจะตกหลุมรักกับหนุ่มๆรุ่นราวคราวเดียวกันเสมอ ก็ในเมื่อวัยใกล้เคียงกันก็ย่อมได้เจอกันบ่อย มีไลฟ์สไตล์คล้ายกัน มีแล้วมันกระชุ่มกระชวยหัวใจ บลา บลา บลา

แต่ฉันเก๋กว่า เพราะฉันตกหลุมรักคนอายุมาก..มากกว่าเยอะเสียด้วย

ตอนเด็กๆฉันฟังเพลง ล่ำบึ้ก ของสองสาวไทรอัมป์คิงด้อมแล้วเกิดความหงุดหงิดแกมไม่เชื่อในท่อนที่ร้องว่า “..แม้ว่าเขาจะดูแก่ เหมือนว่าเขาเป็นเพื่อนแม่ แต่ฉันไม่เคยสนใจ..”

โอเค..เราตกหลุมรักกับคนที่อายุมากกว่าได้ ไม่ใช่เรื่องแปลก ฉันเชื่อว่าเด็กผู้หญิงทุกคนคงเคยแอบชอบรุ่นพี่มาด้วยกันทั้งนั้น ..แต่รุ่นราวคราวแม่เนี่ยนะ มันจะเป็นไปได้ยังไง?

 เป็นไปได้แฮะ..

 ในช่วงชีวิตที่ผ่านมา 22 ปีของฉัน เคยชอบผู้ชายวัย 40 ขึ้นไปอยู่สองครั้งสองครา (ไม่นับบรรดาคนที่อยู่ตามสื่อแล้วฉันแอบปลื้มอยู่ฝ่ายเดียวนะ)

คนแรกเป็นเพื่อนของน้าฉันเอง ตอนนั้นฉันอายุ 16 ย่าง17 ปี อยู่ในวัยเซเว่นทีนที่กำลังวิ่งตามความฝัน วันนั้นน้าชวนฉันไปดินเนอร์ในโรงแรมกับเพื่อนน้าที่เรียนปริญญาโทด้วยกัน

แหงสิ..ชอบอยู่แล้ว ได้ไปกินข้าวในที่สวยๆ ฉันมักแพ้แสงไฟสีเหลืองนวล เบาะนุ่มๆ และอาหารเลิศรส – แม้ว่าอาจจะต้องนั่งเจื่อนท่ามกลางผู้คนมีอายุ และอาจารย์มหาวิทยาลัยก็ตาม

แล้วเขาก็ปรากฏตัวขึ้น – นั่งตรงข้ามฉัน

ก่อนอื่น ฉันขออธิบายอาการเต้นของหัวใจฉันก่อน มันแบ่งได้เป็น 3 ประเภท

  • ประเภทแรก คืออาการตื่นเต้นทั่วไป มักจะเกิดขึ้นในเวลาที่ฉันต้องออกไปพูดหน้าห้อง หรืออยู่หลังเวทีเตรียมการแสดงสักอย่างอยู่ โดยมากอาการนี้จะเกิดขึ้นในชั่ววูบก่อนที่โชว์จะเริ่ม และจะหายไปเองเมื่อฉันเริ่มต้นจับไมค์และพูดออกไป เป็นการใจเต้นเพื่อทำลายสมาธิของตัวเอง

 

  • ประเภทที่สอง ใจเต้นเมื่อเจอคนที่ถูกชะตา เคยไหม เดินๆอยู่แล้วมีใครคนหนึ่งเดินสวนเรามา แว่ปแรกที่เราเห็นเขา จู่ๆหัวใจเราก็เต้นแรงขึ้น เหมือนหัวใจหล่นวูป ถ้านึกไม่ออก ลองนึกถึงช่วงเวลาที่พวกคุณเจอศิลปินที่ชื่นชอบโดยบังเอิญดู การเต้นของหัวใจแบบนี้ ไม่ได้เกิดเฉพาะเวลาเจอเพศตรงข้ามเท่านั้น ครั้งหนึ่งฉันเคยเดินสวนกับดีไซน์เนอร์หญิง ความสง่าของเธอทำให้หัวใจของฉันหล่นวูป ยิ่งถ้าได้พูดคุยกันต่อ เขาจะทำให้เรายิ้มออกมาอย่างไม่รู้ตัว

 

  • ส่วนประเภทสุดท้ายนั้น คือการใจเต้นเมื่อเราเจอคนที่ชอบ อาการนี้ใจมันจะเต้นเหมือนรัวกลอง แม้ว่าเราจะห้ามตัวเองแล้วว่า อย่านะ จะตื่นเต้นไปทำไม แต่พอเราเจอเขาทีไร ก็อดไม่ได้ที่จะรัวกลองเป็นจังหวะร็อค ยิ่งเขาคนนั้นมาทำอะไรให้ หรือมีเหตุที่ทำให้เราคิดไปเอง ใจมันจะทั้งเต้นทั้งหล่นวูปไปในเวลาเดียวกัน มักเกิดขึ้นบ่อยในระยะสปาร์คของความสัมพันธ์

..วกกลับมาที่เรื่องผู้ชายวัยสี่สิบ

วินาทีที่เขาหย่อนตัวลงนั่งที่เก้าอี้ตรงข้ามฉันนั้น ใจฉันเต้นแบบประเภทสอง อาจเพราะรอยยิ้มภายใต้กรอบแว่นพลาสติกสีดำ การแต่งกาย หรืออะไรก็ตาม ..ฉันตกหลุมรักเขา!

น้าแนะนำให้เรารู้จักกัน ฉันสวัสดี เขายิ้ม รับไหว้ แล้วเราก็เริ่มต้นพูดคุยกัน(บทสนทนาตอนนั้นจะมีอะไรได้ นอกจากเรื่องคณะในฝันของฉัน)

บิงโก!..เขาเคยทำงานในวงการโฆษณา

เขาเล่าเรื่องสมัยทำงานให้ฟัง ความเครียดในวงการนี้ เพื่อนร่วมงานนู่นนี่ (ถึงจุดนี้ใจฉันเต้นเป็นแบบสามแล้ว)

ในเวลาที่เขาพูด เหมือนมีอะไรบางอย่างแผ่อยู่รอบตัวเขา อะไรบางอย่างที่เรียกว่า เสน่ห์ ที่ทำให้เขาช่างน่ามอง น่าฟัง เสน่ห์แบบนี้มันไม่ได้เกิดกับทุกคนหรอกนะ แม้ว่าคนตรงข้ามคุณจะหล่อแบบพระเอกเกาลีแค่ไหนก็ตาม มันเป็นอะไรที่มองไม่เห็น แต่สัมผัสได้ ฉันเริ่มวางแผนในหัวว่าฉันจะสานต่อความสัมพันธ์นี้ยังไงดี

……

ขณะที่ฉันกำลังฝันหวาน ..โทรศัพท์ก็ดังขึ้น

นั่นไงล่ะ.. ภรรยาเขาโทรมา

หลังจากวางหู เขาหันไปคุยกับน้าฉันเรื่องลูกสาวเขาที่เพิ่งคลอดได้ไม่นาน คุยไป ยิ้มไป ดูท่าทางเห่อลูกมาก

โอ้… วอท อะ แฟลิมี่ แมน

เอาน่า ถึงฝันฉันจะสลาย แต่อย่างน้อยก็ทำให้รู้ว่าเพลงล่ำบึ้กที่บอกว่าเราสามารถตกหลุมรักคนรุ่นราวคราวแม่ได้น่ะ มันเกิดขึ้นได้จริง

แถมยังเกิดขึ้นกับตัวฉันเองด้วยสิ!

ระยะห่าง

05/12/2009

เสียงจุดพลุดังยาวนานมาหลายนาทีแล้ว

วันนี้เป็นวันเฉลิมฉลอง

ฉันนั่งอยู่คนเดียวในห้อง – ปิดเพลง ปิดไฟ

คุณเคยเป็นไหม ที่จู่ๆก็รู้สึกเหมือนกับว่าเราช่างแสนตัวคนเดียว อยู่คนเดียวด้วยความรู้สึกอึนๆ คล้ายกับไม่มีเรื่องอะไรที่ทำให้คุณรู้สึกหัวใจพองโตได้อีกแล้ว

วันนี้ฉันรู้สึกอย่างนั้น..

ฉันไม่ยอมแพ้ให้อารมณ์ฉันเป็นอย่างนี้หรอก เรื่องอะไรที่จะต้องทำตัวหดหู่ด้วย

ฉันลุกขึ้นมาแต่งตัว วันนี้วันพ่อ เลยอยากใส่สีชมพู หยิบเชิ้ตสีชมพูผ้าทิ้งตัวแบบที่ไม่ต้องเสียเวลารีดแมทช์กับเลคกิ้งสีเทา คู่สีที่ฉันชอบรองจากสีดำ-ทอง แต่งหน้า แล้วทาเล็บด้วยสีชมพูช็อคกิ้งพิ๊ง พลางคิดไปว่าวันนี้ต้องเป็นวันดีของฉัน ฉันจะกำจัดอารมณ์หดหู่นี่ออกไปให้ได้

ฉันเดินออกไปร้านกาแฟที่มีที่นั่งเอ้าท์ดอร์ สั่งกาแฟดำร้อนและขนมปังราดนมมาเป็นเครื่องเคียง หยิบมุราคามิที่เพิ่งยืมมาจากห้องสมุดเปิดอ่าน กาแฟมาเสิร์ฟ – ฉันยิ้มให้พนักงานแล้วจุดบุหรี่ขึ้นมาสูบ สิ่งเล็กๆเหล่านี้มันน่าจะทำให้ฉันหายจากความหดหู่ได้แล้ว แต่มันก็ยังคงอยู่ ฉันเปิดโทรศัพท์พิมพ์ข้อความลงไป แต่พอพิมพ์ไปได้เรื่อยๆก็กลับไม่รู้ว่าจะส่งหาใครดี

เกิดอะไรขึ้นกับอารมณ์ฉันนะ?

มานั่งนึกดูฉันอาจไม่ได้หดหู่ เพราะถ้าเป็นความหดหู่ ฉันต้องเศร้ากว่านี้สิ ฉันเคยหดหู่มาแล้ว และนี่ไม่ใช่มาตรฐานความเศร้าของฉันที่เพียงพอจะเรียกมันได้ว่าเป็นความหดหู่

แล้วมันคืออะไรกันแน่?

ไม่นะ ฉันไม่ได้เหงาด้วย สิ่งสุดท้ายที่ฉันต้องการตอนนี้คือการกลับไปคิดถึงคนคนหนึ่งที่จู่ๆเราก็กลายเป็นเหมือนคนรู้จักที่แค่ผ่านมา-ผ่านไปเท่านั้น

จนเมื่อหัวค่ำ น้องสาวฉันเพิ่งกลับมาจาก tcdc และเธอยังไม่ได้ดินเนอร์ ฉันเลยตัดสินใจออกไปด้วยเพราะคิดว่าการได้ออกไปเดินข้างนอกอาจทำให้ฉันหายจากอารมณ์ที่เป็นอยู่ตอนนี้ได้

ที่ร้าน ฉันเลือกที่จะนั่งมุมโซฟาที่เหมาะกับการนั่งจิบกาแฟมากกว่าทานแฮมเบอร์เกอร์ หยิบมุราคามิที่ยังอ่านค้างไว้ขึ้นมา เราไม่ได้คุยอะไรกันเลย เธอกินเสร็จก็หยิบสมุดสเก็ตช์ออกมาวาด ฉันอ่าน เธอวาด จนกระทั่งฉันลุกไปซื้อวาฟเฟิลและไอศกรีม

บางที นี่อาจเป็นการบำบัดแบบผู้หญิง ในนาทีที่เรากำลังจะกลายเป็นนางมารร้าย ของหวานมักช่วยได้เสมอ

เราสองคนเริ่มต้นสนทนากัน เรื่องทั่วไป ไม่มีอะไรพิเศษ แต่มันก็ทำให้ฉันเริ่มรู้สึกดีขึ้น จนกระทั่งร้านปิด เราเลยเดินกลับกัน ระหว่างทางฉันเริ่มรู้สึกสดใสขึ้น อยากคุยกับเพื่อน อยากอ่านนิตยสารแฟชั่น อยากนั่งเซฟรูปสวยๆ อยากแต่งรูปในโฟโต้ช็อป อยากทำนู่นทำนี่

บางที สิ่งที่ฉันต้องการในวันนี้คือการได้นั่งกับใครสักคน ใครก็ได้ ที่มานั่งเป็นเพื่อน ไม่ต้องชวนคุย และห้ามบ่นในสิ่งที่ฉันเลือก แค่นั่งเฉยๆ ต่างคนต่างมีกิจกรรมของตัวเองทำ แต่ก็นั่งอยู่ด้วยกันและรู้ว่าอีกฝ่ายกำลังทำอะไรอยู่ อาจเป็นเรื่องแปลก แต่นี่ก็เป็นความสัมพันธ์ในแบบของฉัน ไม่ต้องตัวติดกัน แต่ก็อยู่ด้วยกันแบบมีระยะห่าง อาจเข้าใจยาก และออกจะเป็นความสัมพันธ์ที่เห็นแก่ตัว แต่ฉันก็คงเป็นฉันอยู่อย่างนี้ อาจจะเปลี่ยนได้ แต่มันก็ขึ้นอยู่กับอารมณ์ฉันเองอยู่ดี

ความสัมพันธ์..แบบมีระยะห่าง

ผ่านมาผ่านไป เข้ามาจากไป

19/09/2009
วันพรุ่งนี้..ฉันอาจจะตื่นขึ้นมาแล้วพบว่าไม่ได้รู้สึกอะไรกับคุณอีก
ไม่ต้องมาทำเป็นยิ้มไป
เรื่องแบบนี้เคยเกิดขึ้นแล้วหนนึงรู้ไหม
 
ฉันก็ไม่รู้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างเราสองคนคืออะไร
เอ… จะเรียกว่าสองคนก็พูดได้ไม่เต็มปากนัก
บางที คุณก็เหมือนจะเอนเอียงเข้ามา
แต่บางที คุณก็ทำราวกับว่าฉันไม่ได้ยืนอยู่ตรงนั้น
ไม่รู้จริงๆหรือว่าฉันคิดอะไร?
 
เริ่มต้นได้ไงไม่รู้
รู้แต่ว่าฉันควรจะจบได้แล้ว
ที่เป็นอยู่นี่มันไม่ได้ดีกับตัวฉันเลยสักนิด
เป็นบ้าอะไรของฉันเนี่ย
 
ขอบคุณที่ทำให้ชีวิตฉันได้มีช่วงเวลาหัวใจพองโต
 
 
 

หายไปไหนกันหมด

18/07/2009
มันก็เหมือนช่วงห้องเชียร์
ทุกครั้งที่เราเข้าห้องเชียร์ แล้วเพื่อนไม่เข้า จะมีคำถามจากสต๊าฟวินัยกรอกหูอยู่ทุกวันว่า
"ทำไมมีแค่นี้?"
"เพื่อนหายไปไหนหมด?"
ก็ตอบพี่เค้าไปว่าเพื่อนป่วย เพื่อนติดธุระ และที่ทำได้ก็คือตัวเองต้องมา เพื่อไม่ให้โดนด่าไปมากกว่านี้
คนที่มา คือคนที่ต้องถูกด่า
 
ช่วงนี้โดนคำถามพวกนี้หลายครั้ง
เพียงแต่ไม่ใช่ช่วงห้องเชียร์
แต่เป็นการทำฉากละคร ที่เหลือเวลาอีกประมาณ 4 สัปดาห์ก็จะต้องเข้าหอแล้ว
 
ที่ทำให้รู้สึกน้อยใจได้ขนาดนี้ ก็เพราะคนที่ถามคำถามนี้คือน้องๆที่มาช่วย
"ทำไมปีนี้คนน้อยจัง?"
จุกจังเลย จะให้พี่ตอบยังไงดีคะ
 
หรือคำถามจากเพื่อนกันเองที่ต้องนั่งทำฉากตั้งแต่สี่โมงยันเที่ยงคืน
จะไปกินข้าวก็ไปไม่ได้ เดี๋ยวจะไม่มีพี่คอยอยู่ดูน้องทำงาน
มันถามด้วยความน้อยใจ ว่าทำไมเพื่อนไม่มา
ละครเรื่องนี้ เริ่มต้นก็เริ่มมาด้วยกัน
ทำไมพอถึงเวลาทำแล้วมันเหลือคนทำอยู่ไม่กี่คน
 
ปีสุดท้ายแล้ว ได้กลับมาทำฉากด้วยกันอีกครั้งก็ดีเหมือนกันนะ
ตอนปีหนึ่งมากันเยอะแยะเลย (ไม่เชื่อลองไปเปิด mv ตอกฉากสมัยนั้นดู)
คนเยอะมันก็เสร็จเร็ว ใต้ถุนมันก็น่าอยู่
 
ไม่ต้องรู้สึกแย่เวลาสต๊าฟวินัยถามด้วย
"พรุ่งนี้รุ่นคุณจะมาทั้งหมดกี่คน!!"
 
 
 
 
 
 
 

จบปีสามแล้ว

15/03/2009
จบปีสามแล้ว
กำลังจะเป็นปีสี่
เป็นซีเนียร์
พี่ที่โตที่สุดในคณะ
 
วันรับน้องปีสี่สมัยที่เราอยู่ปีหนึ่งตื่นเต้นมาก
เป็นวันที่เห็นปีสี่เยอะมาก
พี่เค้ามานั่งให้ชื่อ เซ็นเกม
เกร็งมาก
คิดในใจว่า "ทำไมพี่เค้าโตจังวะ?"
ทุกคนดูเป็นพี่จิงๆ โคดเป็นปีสี่เลยว่ะ
 
แล้วมาสงสัยว่า
ปีหน้าน้องมันจะเห็นเราเป็นพี่มั๊ย
เพราะเราเองก็รู้สึกว่าเราก็เหมือนเดิม
เราจะมีรัศมีความเป็นปีสี่แบบที่เรามองเห็นในตัวพี่ปีสี่บ้างมั๊ย
 
 
เป็นซีเนียร์ต้องทำตัวยังไงอะ
 
 
 
 
 
 

ถ้ายังรัก

21/11/2008
To ละครนิเทศ
 
 
ทุกอย่างมันอยู่ที่ใจ แค่ลองฟังเสียงข้างในมันบอกว่ายอมแพ้แล้วหรือยัง
ทุกอย่างมันอยู่ที่ใจ บอกว่าไม่ไหวหรือยังลองถามใจตัวเองให้ดังๆสักครั้ง

* ยังเชื่อในความรักหรือเปล่า เชื่อในคำๆนี้แค่ใหน
ทางแยกในวันนี้คงทำให้เราได้เข้าใจ

** ถ้ายังรักก็ต้องยังไหว หัวใจไม่หวั่นไหว
จะยากเย็นซักแค่ใหน ก็ไม่ต้องกลัว
ถ้ายังรักก็ต้องยังไหว แม้ไม่ใช่ความฝัน
รักคือเธอกับฉัน มีกันและกันด้วยความรัก

ทุกวันมันอยู่ที่ใจ ถ้ายังคงรักก็ไม่มีวันที่จะเดินหนีไป
ทุกวันมันอยู่ที่ใจ ถ้าหากหมดใจแล้วยังจะฝืนต่อมันคงไม่มีทางใช่ไหม

ถ้ายังรักก็ต้องยังไหว หัวใจไม่หวั่นไหว
จะยากเย็นซักแค่ใหน ก็ไม่ต้องกลัว
ถ้ายังรักก็ต้องยังไหว แม้ไม่ใช่ความฝัน
รักคือเธอกับฉัน มีกันและกัน

 
 

เพราะ..

30/10/2008
อย่าหายไปก็พอ
ให้รู้ว่ายังอยู่ก็พอ
หายไปอย่างนี้มันใจหาย
 
ไม่ได้อยากจะสนใจมากมาย
แต่ก็ใช่ว่าอยากจะให้เธอหายไปอย่างนี้
ฉันกระวนกระวาย
 
อาจดูเป็นคนมีปัญหา
ไม่อยากเข้าไปใกล้
แต่ยังอยากมองอยู่
 
โอเคนะ..กลับมาเหอะ
ฉันรออยู่!
 

คิดถึง

16/10/2008
เคยนั่งข้าง คนที่ทำให้หวั่นไหวไหม?
เค้าทำให้เรานึกถึงอดีต..
แล้วเราก็เริ่มคิดมาก
…..
ถ้าคนๆนี้ เป็นคนคนเดียวกับที่เราคิดล่ะ
ใช่รึเปล่า?
.
ไม่ใช่…
แต่เรายังหวั่นไหวอยู่
เราอยู่นี่
เธออยู่ไหน
ลองคิดเล่นๆ
ถ้าคนที่นั่งข้างๆฉันเป็นคุณจริงๆ
คุณจะทักฉันไหม?
หรือเราจะทำเป็นไม่รู้จักกันไปอย่างนี้จนกว่าจะถึงจุดหมาย
คุณยังนึกถึงฉันอยู่ไหม?
ฉันยังคง นึกถึง คุณอยู่บ่อยๆ
บางที..การนึกถึงมันก็กลายเป็นความคิดถึง
ฉันไม่ชอบเวลาที่ฉันคิดถึงคุณ
มันทำให้ฉันอ่อนแอ
คิดว่าคุณจะเป็นยังไง ยังอยู่ดีไหม
ที่สำคัญ..คิดถึงฉันบ้างหรือเปล่า

สงกรานต์สราญรมย์

16/04/2008
วันสงกรานต์
ตอนเด็กๆอยากเล่นทุกวัน แต่ที่บ้านบอกว่าเล่นวันสองวันก็พอ
พอโตขึ้นก็เริ่มขี้เกียจ
มันร้อน ไม่ชอบเบียดคน
ถ้าจะเล่นก็เพราะเพื่อนยุ
 
ปีนี้ พิเศษกว่าทุกปี
เพราะออกไปทุกวันเลยยยย
วันแรก (13) ไป Route66 มาค่า
อิงกี้ชวนไป มีบัตรให้เข้าฟรี มีหรือจะพลาด
เต้นไป มีน้ำฉีดลงมา
หลังๆก็เข้าไปเต้นในรูท
เต็ม 10 ให้ 9 ค่ะ
หักเพราะหาโต๊ะยากมาก และคนหน้าตาดีเยอะไป ดิชั้นมองตามไม่ทัน
แอร๊ยยยยยย
 
วันที่สอง ไปดูคอนเสิร์ต
ดู GR ที่สยามดิส
สามสาวดีว่า ออฟ เป๊ก ไอซ์ที่พารากอน
แล้วต่อด้วยก้านคอคลับที่ CTW
ให้ 9 เท่ากัน
ชอบเวทีที่ CTW มากก น้ำที่ยิงมาจากเวทีสะใจดี
หักคะแนนที่ร้อนไปหน่อย + สะก๊อยเยอะไปนิด
 
วันที่สาม สงกรานต์รุ่น
อ่า..จู่ๆเพื่อนหลายคนก็เกิดอาการไม่สบาย เหนื่อย บ้านพาออกไปข้างนอกขึ้นมา
จำนวนคนเบ็ดเสร็จที่ไปวันนี้เลยมีประมาณ 20 คน
ก่อนจะออกไป ก็ไปซื้อ mixer เอาเหล้าในห้องกนท.มากินกัน
สนุกสนานดี
ก็ถือว่าเก๋อยู่
เต็ม 10 ให้ 5
5 คะแนนนี่ให้เพื่อนหมดเลย หักคะแนนบรรยากาศ สถานที่ ฯลฯ
ไม่ชอบเลยย
เบียดกันชิบหาย
แทบจะเยกันอยู่แล้ว
คนจะเยอะไปไหน
ปีหน้าคงต้องคิดดูก่อน ถ้ามีคนชวนมา
 
เง้อออ
พรุ่งนี้ก็ต้อง workshop อีกแล้ว
อยากกลับบ้านจัง..
 
เฟิร์น
ปล.
  • เจอแต่ตุ๊ด ตุ๊ดเยอะไปหมด มีแต่ตุ๊ดหน้าตาดี
  • ขอบคุณฮอลลี่ และฟูยัก ที่ดูแลนะ
  • ชอบตุ๊ด!!!!
 
 
 
 
 
 

workshop

05/04/2008
กำลังอยู่ในช่วงเวลา workshop
โทรมขั้นสุด
…….
 
อีกนิดนึงนะ~~~