Archive for the ‘relationships’ Category

affair

23/01/2010

” ไม่มีคำถามเวลาทุกสิ่งงดงาม

ในวันนี้เมื่อฉันค้นหาคำตอบ

ว่าทำไม เราจึงหลุดไปสู่ความรักใคร่ชอบพอ

..”มันเป็นไปเอง”..

เมื่อพบว่าความรู้สึกระหว่างฉันกับเขามันดำดิ่งหนุนแน่น

อยู่แค่ตาหรือท่าทีสงบสำรวมต่อกัน

..

หากนั่นเป็นความเร้าใจไม่สิ้นสุด”

 

บางทีเป็นเพราะเราเป็นคนตะวันออก

เราถูกสร้างมาโดยสิ่งไม่ชัด ไม่มีตัวตน และไม่มีบทลงโทษ

แต่หากว่าเราทำผิด ..อย่างที่ความรู้สึกนั้นบอกว่ามันผิด

เราจะรู้สึกเหมือนเดินตรงเข้าสู่ลานประหารเลยเทียว

 

..ทางเดินนั้นยาวนัก

ทั้งที่คมมีดยังไม่ลงเนื้อ เราก็เจ็บปวดต่อความรู้สึกผิด ต่อประเพณี ต่อวัฒนธรรม ต่อสังคม

ซึ่งอาจเป็นคนใกล้ชิด หรือเป็นเพียงกลุ่มคนที่วิพากษ์กันอยู่อย่างเมามัน

 

..เพียงเพราะอำนาจของความไม่มีตัวตนนี่เอง

, ทำให้ฉันชะงักครั้งแล้วครั้งเล่า..

 

from Art Affair

 

if it kills me

16/01/2010

“Impossible, maybe

but worth one last try.

I’m sittin here, patiently, just for the chance that I might be able to hold you tight.

And I want to know what makes your world go round,

And I want to hear your voice for the sound.

A love that defines all ive had in my mind

Now I’m holding back nothing for the look in your eyes.

Now time is all tht we have.

So won’t you let me inside your perfect world for one night?”

 

 The Look by Ryan Tedder

อธิบายความเหงาให้ฟังที

08/12/2009

How do you define the word “lonely”?

อารมณ์เหงามันเป็นยังไงกันนะ

เปิดพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถานดู เขาเขียนไว้ว่า เหงา หมายถึง เปลี่ยวใจ เปล่าเปลี่ยว ไม่คึกคัก

อืม…

นั่งฟังเพลงที่มีคำว่า “เหงา” อยู่ในชื่อเพลง แล้วพบว่าสาเหตุของความเหงามักมีอยู่ไม่กี่อย่าง – คิดถึงคนรักที่จากไป, อยากมีคนรัก และ อยากให้คนรักมาสนใจ

นั่นแปลว่าตัวแปรสำคัญที่จะก่อให้เกิดความเหงา

คือความสัมพันธ์สินะ

เพื่อนคนหนึ่งบอกว่าฉันกำลังเหงา เลยอยากค้นใจตัวเองดูว่าเป็นอย่างที่เพื่อนว่าไหม

 …………………………

ถ้าความหมายของคำว่าเหงาคือความไม่คึกคัก มันก็อาจจะใช่ เพราะฉันไม่มีอารมณ์อยากออกไปไหนเลย ไม่อยากออกกำลังกาย ไม่อยากปาร์ตี้ ไม่อยากเข้าสังคม (แต่ก็ยังวนเวียนในโลก Social network อยู่ เพียงแต่เป็นการทำไปเพื่อการฆ่าเวลาทั้งสิ้น)

ปกติแล้วฉันเป็นคนอยู่คนเดียวไม่ค่อยได้ ไม่เคยชินกับการนั่งทานข้าวหรือดูหนังคนเดียว เคยอ้วก เพราะความหดหู่ที่ต้องอยู่ในห้องทั้งวัน –อาการอย่างนี้มันเป็นพวกเสพติดสังคมชัดๆ

แต่ ณ เวลานี้ ฉันกลับไม่ต้องการใคร ไม่คิดถึงใคร – พยายามเสแสร้งว่าคิดถึงแล้ว แต่ก็รู้ดีว่าไม่ใช่(แล้วจะบิ๊วตัวเองทำไมก็ไม่รู้)

สิ่งที่อยากทำตอนนี้คือการนั่งคนเดียว ปล่อยความรู้สึกไปเรื่อยๆ อยากจะทำอะไรก็ทำไป มองฟ้า มองแสงไฟ การที่ฉันมานั่งเขียนอะไรอย่างนี้ก็เป็นเหมือนการบำบัดตัวเอง ให้ได้เรียบเรียงความคิด ค้นหาสาเหตุที่เกิดขึ้น

อืม… 

สรุปแล้ว

ฉันว่าฉันไม่ได้เหงาหรอก

เพราะไม่มีใครมาทำให้ฉันรู้สึกอย่างนั้น(และฉันก็ไม่ต้องการด้วย)

ฉันอาจจะแค่…หงอย หง่าว ว่าง อินดี้ อึน – อะไรซักอย่างที่ไม่สามารถบัญญัติเป็นศัพท์ได้

และก็คงจะมีแต่คนที่บิดเบี้ยวเหมือนฉันเท่านั้นที่จะเข้าใจ..

.

.

.

* รูปนี้มันเหงาแบบบิดเบี้ยวดีเนอะ

things i like about coffee&you

07/12/2009

 

 

ล่ำบึ้กไปก็เท่านั้น

06/12/2009

 

 

เพื่อนรอบกายฉันมักจะตกหลุมรักกับหนุ่มๆรุ่นราวคราวเดียวกันเสมอ ก็ในเมื่อวัยใกล้เคียงกันก็ย่อมได้เจอกันบ่อย มีไลฟ์สไตล์คล้ายกัน มีแล้วมันกระชุ่มกระชวยหัวใจ บลา บลา บลา

แต่ฉันเก๋กว่า เพราะฉันตกหลุมรักคนอายุมาก..มากกว่าเยอะเสียด้วย

ตอนเด็กๆฉันฟังเพลง ล่ำบึ้ก ของสองสาวไทรอัมป์คิงด้อมแล้วเกิดความหงุดหงิดแกมไม่เชื่อในท่อนที่ร้องว่า “..แม้ว่าเขาจะดูแก่ เหมือนว่าเขาเป็นเพื่อนแม่ แต่ฉันไม่เคยสนใจ..”

โอเค..เราตกหลุมรักกับคนที่อายุมากกว่าได้ ไม่ใช่เรื่องแปลก ฉันเชื่อว่าเด็กผู้หญิงทุกคนคงเคยแอบชอบรุ่นพี่มาด้วยกันทั้งนั้น ..แต่รุ่นราวคราวแม่เนี่ยนะ มันจะเป็นไปได้ยังไง?

 เป็นไปได้แฮะ..

 ในช่วงชีวิตที่ผ่านมา 22 ปีของฉัน เคยชอบผู้ชายวัย 40 ขึ้นไปอยู่สองครั้งสองครา (ไม่นับบรรดาคนที่อยู่ตามสื่อแล้วฉันแอบปลื้มอยู่ฝ่ายเดียวนะ)

คนแรกเป็นเพื่อนของน้าฉันเอง ตอนนั้นฉันอายุ 16 ย่าง17 ปี อยู่ในวัยเซเว่นทีนที่กำลังวิ่งตามความฝัน วันนั้นน้าชวนฉันไปดินเนอร์ในโรงแรมกับเพื่อนน้าที่เรียนปริญญาโทด้วยกัน

แหงสิ..ชอบอยู่แล้ว ได้ไปกินข้าวในที่สวยๆ ฉันมักแพ้แสงไฟสีเหลืองนวล เบาะนุ่มๆ และอาหารเลิศรส – แม้ว่าอาจจะต้องนั่งเจื่อนท่ามกลางผู้คนมีอายุ และอาจารย์มหาวิทยาลัยก็ตาม

แล้วเขาก็ปรากฏตัวขึ้น – นั่งตรงข้ามฉัน

ก่อนอื่น ฉันขออธิบายอาการเต้นของหัวใจฉันก่อน มันแบ่งได้เป็น 3 ประเภท

  • ประเภทแรก คืออาการตื่นเต้นทั่วไป มักจะเกิดขึ้นในเวลาที่ฉันต้องออกไปพูดหน้าห้อง หรืออยู่หลังเวทีเตรียมการแสดงสักอย่างอยู่ โดยมากอาการนี้จะเกิดขึ้นในชั่ววูบก่อนที่โชว์จะเริ่ม และจะหายไปเองเมื่อฉันเริ่มต้นจับไมค์และพูดออกไป เป็นการใจเต้นเพื่อทำลายสมาธิของตัวเอง

 

  • ประเภทที่สอง ใจเต้นเมื่อเจอคนที่ถูกชะตา เคยไหม เดินๆอยู่แล้วมีใครคนหนึ่งเดินสวนเรามา แว่ปแรกที่เราเห็นเขา จู่ๆหัวใจเราก็เต้นแรงขึ้น เหมือนหัวใจหล่นวูป ถ้านึกไม่ออก ลองนึกถึงช่วงเวลาที่พวกคุณเจอศิลปินที่ชื่นชอบโดยบังเอิญดู การเต้นของหัวใจแบบนี้ ไม่ได้เกิดเฉพาะเวลาเจอเพศตรงข้ามเท่านั้น ครั้งหนึ่งฉันเคยเดินสวนกับดีไซน์เนอร์หญิง ความสง่าของเธอทำให้หัวใจของฉันหล่นวูป ยิ่งถ้าได้พูดคุยกันต่อ เขาจะทำให้เรายิ้มออกมาอย่างไม่รู้ตัว

 

  • ส่วนประเภทสุดท้ายนั้น คือการใจเต้นเมื่อเราเจอคนที่ชอบ อาการนี้ใจมันจะเต้นเหมือนรัวกลอง แม้ว่าเราจะห้ามตัวเองแล้วว่า อย่านะ จะตื่นเต้นไปทำไม แต่พอเราเจอเขาทีไร ก็อดไม่ได้ที่จะรัวกลองเป็นจังหวะร็อค ยิ่งเขาคนนั้นมาทำอะไรให้ หรือมีเหตุที่ทำให้เราคิดไปเอง ใจมันจะทั้งเต้นทั้งหล่นวูปไปในเวลาเดียวกัน มักเกิดขึ้นบ่อยในระยะสปาร์คของความสัมพันธ์

..วกกลับมาที่เรื่องผู้ชายวัยสี่สิบ

วินาทีที่เขาหย่อนตัวลงนั่งที่เก้าอี้ตรงข้ามฉันนั้น ใจฉันเต้นแบบประเภทสอง อาจเพราะรอยยิ้มภายใต้กรอบแว่นพลาสติกสีดำ การแต่งกาย หรืออะไรก็ตาม ..ฉันตกหลุมรักเขา!

น้าแนะนำให้เรารู้จักกัน ฉันสวัสดี เขายิ้ม รับไหว้ แล้วเราก็เริ่มต้นพูดคุยกัน(บทสนทนาตอนนั้นจะมีอะไรได้ นอกจากเรื่องคณะในฝันของฉัน)

บิงโก!..เขาเคยทำงานในวงการโฆษณา

เขาเล่าเรื่องสมัยทำงานให้ฟัง ความเครียดในวงการนี้ เพื่อนร่วมงานนู่นนี่ (ถึงจุดนี้ใจฉันเต้นเป็นแบบสามแล้ว)

ในเวลาที่เขาพูด เหมือนมีอะไรบางอย่างแผ่อยู่รอบตัวเขา อะไรบางอย่างที่เรียกว่า เสน่ห์ ที่ทำให้เขาช่างน่ามอง น่าฟัง เสน่ห์แบบนี้มันไม่ได้เกิดกับทุกคนหรอกนะ แม้ว่าคนตรงข้ามคุณจะหล่อแบบพระเอกเกาลีแค่ไหนก็ตาม มันเป็นอะไรที่มองไม่เห็น แต่สัมผัสได้ ฉันเริ่มวางแผนในหัวว่าฉันจะสานต่อความสัมพันธ์นี้ยังไงดี

……

ขณะที่ฉันกำลังฝันหวาน ..โทรศัพท์ก็ดังขึ้น

นั่นไงล่ะ.. ภรรยาเขาโทรมา

หลังจากวางหู เขาหันไปคุยกับน้าฉันเรื่องลูกสาวเขาที่เพิ่งคลอดได้ไม่นาน คุยไป ยิ้มไป ดูท่าทางเห่อลูกมาก

โอ้… วอท อะ แฟลิมี่ แมน

เอาน่า ถึงฝันฉันจะสลาย แต่อย่างน้อยก็ทำให้รู้ว่าเพลงล่ำบึ้กที่บอกว่าเราสามารถตกหลุมรักคนรุ่นราวคราวแม่ได้น่ะ มันเกิดขึ้นได้จริง

แถมยังเกิดขึ้นกับตัวฉันเองด้วยสิ!

ระยะห่าง

05/12/2009

เสียงจุดพลุดังยาวนานมาหลายนาทีแล้ว

วันนี้เป็นวันเฉลิมฉลอง

ฉันนั่งอยู่คนเดียวในห้อง – ปิดเพลง ปิดไฟ

คุณเคยเป็นไหม ที่จู่ๆก็รู้สึกเหมือนกับว่าเราช่างแสนตัวคนเดียว อยู่คนเดียวด้วยความรู้สึกอึนๆ คล้ายกับไม่มีเรื่องอะไรที่ทำให้คุณรู้สึกหัวใจพองโตได้อีกแล้ว

วันนี้ฉันรู้สึกอย่างนั้น..

ฉันไม่ยอมแพ้ให้อารมณ์ฉันเป็นอย่างนี้หรอก เรื่องอะไรที่จะต้องทำตัวหดหู่ด้วย

ฉันลุกขึ้นมาแต่งตัว วันนี้วันพ่อ เลยอยากใส่สีชมพู หยิบเชิ้ตสีชมพูผ้าทิ้งตัวแบบที่ไม่ต้องเสียเวลารีดแมทช์กับเลคกิ้งสีเทา คู่สีที่ฉันชอบรองจากสีดำ-ทอง แต่งหน้า แล้วทาเล็บด้วยสีชมพูช็อคกิ้งพิ๊ง พลางคิดไปว่าวันนี้ต้องเป็นวันดีของฉัน ฉันจะกำจัดอารมณ์หดหู่นี่ออกไปให้ได้

ฉันเดินออกไปร้านกาแฟที่มีที่นั่งเอ้าท์ดอร์ สั่งกาแฟดำร้อนและขนมปังราดนมมาเป็นเครื่องเคียง หยิบมุราคามิที่เพิ่งยืมมาจากห้องสมุดเปิดอ่าน กาแฟมาเสิร์ฟ – ฉันยิ้มให้พนักงานแล้วจุดบุหรี่ขึ้นมาสูบ สิ่งเล็กๆเหล่านี้มันน่าจะทำให้ฉันหายจากความหดหู่ได้แล้ว แต่มันก็ยังคงอยู่ ฉันเปิดโทรศัพท์พิมพ์ข้อความลงไป แต่พอพิมพ์ไปได้เรื่อยๆก็กลับไม่รู้ว่าจะส่งหาใครดี

เกิดอะไรขึ้นกับอารมณ์ฉันนะ?

มานั่งนึกดูฉันอาจไม่ได้หดหู่ เพราะถ้าเป็นความหดหู่ ฉันต้องเศร้ากว่านี้สิ ฉันเคยหดหู่มาแล้ว และนี่ไม่ใช่มาตรฐานความเศร้าของฉันที่เพียงพอจะเรียกมันได้ว่าเป็นความหดหู่

แล้วมันคืออะไรกันแน่?

ไม่นะ ฉันไม่ได้เหงาด้วย สิ่งสุดท้ายที่ฉันต้องการตอนนี้คือการกลับไปคิดถึงคนคนหนึ่งที่จู่ๆเราก็กลายเป็นเหมือนคนรู้จักที่แค่ผ่านมา-ผ่านไปเท่านั้น

จนเมื่อหัวค่ำ น้องสาวฉันเพิ่งกลับมาจาก tcdc และเธอยังไม่ได้ดินเนอร์ ฉันเลยตัดสินใจออกไปด้วยเพราะคิดว่าการได้ออกไปเดินข้างนอกอาจทำให้ฉันหายจากอารมณ์ที่เป็นอยู่ตอนนี้ได้

ที่ร้าน ฉันเลือกที่จะนั่งมุมโซฟาที่เหมาะกับการนั่งจิบกาแฟมากกว่าทานแฮมเบอร์เกอร์ หยิบมุราคามิที่ยังอ่านค้างไว้ขึ้นมา เราไม่ได้คุยอะไรกันเลย เธอกินเสร็จก็หยิบสมุดสเก็ตช์ออกมาวาด ฉันอ่าน เธอวาด จนกระทั่งฉันลุกไปซื้อวาฟเฟิลและไอศกรีม

บางที นี่อาจเป็นการบำบัดแบบผู้หญิง ในนาทีที่เรากำลังจะกลายเป็นนางมารร้าย ของหวานมักช่วยได้เสมอ

เราสองคนเริ่มต้นสนทนากัน เรื่องทั่วไป ไม่มีอะไรพิเศษ แต่มันก็ทำให้ฉันเริ่มรู้สึกดีขึ้น จนกระทั่งร้านปิด เราเลยเดินกลับกัน ระหว่างทางฉันเริ่มรู้สึกสดใสขึ้น อยากคุยกับเพื่อน อยากอ่านนิตยสารแฟชั่น อยากนั่งเซฟรูปสวยๆ อยากแต่งรูปในโฟโต้ช็อป อยากทำนู่นทำนี่

บางที สิ่งที่ฉันต้องการในวันนี้คือการได้นั่งกับใครสักคน ใครก็ได้ ที่มานั่งเป็นเพื่อน ไม่ต้องชวนคุย และห้ามบ่นในสิ่งที่ฉันเลือก แค่นั่งเฉยๆ ต่างคนต่างมีกิจกรรมของตัวเองทำ แต่ก็นั่งอยู่ด้วยกันและรู้ว่าอีกฝ่ายกำลังทำอะไรอยู่ อาจเป็นเรื่องแปลก แต่นี่ก็เป็นความสัมพันธ์ในแบบของฉัน ไม่ต้องตัวติดกัน แต่ก็อยู่ด้วยกันแบบมีระยะห่าง อาจเข้าใจยาก และออกจะเป็นความสัมพันธ์ที่เห็นแก่ตัว แต่ฉันก็คงเป็นฉันอยู่อย่างนี้ อาจจะเปลี่ยนได้ แต่มันก็ขึ้นอยู่กับอารมณ์ฉันเองอยู่ดี

ความสัมพันธ์..แบบมีระยะห่าง